ข่าวย้ายทีม ซื้อขายนักเตะ และรวมทุกความเคลื่อนไหว ในโลกของฟุตบอล

ข่าวย้ายทีม

ข่าวย้ายทีม เว็บไซต์รวมข่าวสาร ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ การโยกย้าย ตลาดซื้อขายนักเตะ และรวมทุกอย่างใน อัพเดทข่าวฟุตบอล

ข่าวย้ายทีม ที่เป็นอีกจุดสนใจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าบรรดาแฟนบอล และสำนักข่าวที่ให้ความสนใจกับ กีฬายอดฮิต ที่มีคนชอบทั่วโลก ซึ่งในการซื้อขายตัวนักเตะในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ความคึกคักและความบ้าคลั่งในการซื้อตัว ก็คงหนีไม่พ้นตลาดในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ซึ่งตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ ได้ปิดทำการลงเรียบร้อย เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา สโมสรในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 ได้มีการเสริมผู้เล่นใหม่เข้ามาครบทั้ง 20 ทีม

เรียกได้ว่าทุกทีมล้วนมีการขยับตัวผู้เล่น โดยทั้งซื้อเข้าและขายออกกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว ซึ่งจำนวนเงินในการซื้อขายในตลาดนักเตะรอบนี้ ทุกสโมสรในลีกสูงสุดอังกฤษ ใช้จ่ายรวมกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 1.9 พันล้านปอนด์ ทุบสถิติเดิมในปี 2017 ที่ทำไว้ 1.4 พันล้านปอนด์ และเราจะมาสรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น รวมถึงตัวเลข สถิติที่น่าสนใจ ตลอดช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2022 มาให้ทุกท่านได้รู้กัน

ซึ่งภาพรวมของการซื้อขายนั้น นอกจากจะมีการทำลายสถิติเกิดขึ้น ในเรื่องของค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้ว การซื้อขายนักเตะในตลาดช่วงซัมเมอร์นี้ เรียกได้ว่าคึกคักที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มา 2 ปี หลายสโมสรได้จ่ายเงินซื้อนักเตะ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสโมสรใหญ่ๆ ที่เรียกได้ว่าย้ายไปย้ายมา จนแทบจะจำกันไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเตะจากลีกในต่างประเทศ ทำให้สื่อในหลายสำนักให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

เรามาดูภาพรวมของการ ซื้อขายนักเตะ ในลีกลูกหนังของเมืองผู้ดีอังกฤษ ในการซื้อ นักเตะต่างชาติ เข้ามาร่วมทีม

ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ในการย้ายเข้ามาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็นการ เซ็นสัญญานักเตะ หรือขั้นตอนในการเจรจาการซื้อตัว ซึ่งการที่ทีมฟุตบอลแต่ละทีมนั้น ในการที่จะหานักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีม หรือการขายนักเตะในสังกัด ก็จะขึ้นอยู่กับระเบียบของลีกในประเทศนั้นๆ โดยกฎกติกาในเรื่องของระยะเวลาซื้อขาย ก็จะค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวของของทุกลีกในยุโรป โดยทีมที่ต้องการจะซื้อนักเตะคนนั้น ก็จะต้องติดต่อไปที่ต้นสังกัดของนักเตะเป็นลำดับแรก

จากนั้นก็จะเข้าสู้ขั้นตอนในการเจรจา ไม่ว่าจะเรื่องค่าตัว ค่าเหนื่อยหรือโบนัสต่างๆ กับทั้งทีมต้นสังกัดและตัวของนักเตะเอง โดยเฉพาะนักเตะต่างชาติ ทางสโมสรอาจจะต้องจัดหาที่พัก หรือบ้านให้นักเตะ รวมไปถึงครอบครัวของเขาด้วย ซึ่งการที่นักเตะคนนึงจะย้ายทีมนั้น ไม่ใช่แค่ว่าทีมไหนอยากจะซื้อใคร ก็สามรถซื้อได้เลย เพราะว่าการย้ายทีมและติดต่อซื้อขายนั้น มีขั้นตอนละเอียดอยู่พอสมควร

กลับมาที่เรื่องของภาพรวมในการซื้อขาย ของลีกชั้นนำเมืองผู้ดีกันต่อ โดยเราจะแบ่งภาพรวมแบบละเอียด ของแต่ละทีมที่มีการเคลื่อนไหวในลีก เริ่มจากเชลซี ในยุคของท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของทีมคนใหม่ ประเดิมการเข้ามาบริหารสโมสร ด้วยการจ่ายถึง 251 ล้านปอนด์แลกกับนักเตะใหม่ 8 คน กลายเป็นทีมแชมป์ใช้เงินมากสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ดีลใหญ่ของเชลซี ยกตัวอย่างเช่น ราฮีม สเตอร์ริ่ง, มาร์ค คูคูเรลล่า, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, คาลิดู คูลิบาลี่, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

ทางด้านทีมใหญ่อีกหนึ่งทีม แต่ฟอร์มการเล่นดูเหมือนจะดร็อปลงตั้งแต่ฤดูกาลก่อนหน้านี้ นั่นก็คือปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ ก็จ่ายหนักเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร นักเตะอย่างลิซานโดร มาติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย, คาเซมิโร่, และแอนโธนี่ 4 คนนี้ มีค่าตัวรวมกัน 214 ล้านปอนด์ แม้กระทั่งน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมน้องใหม่ที่คัมแบ็กสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี ใช้เงิน 145 ล้านปอนด์ แลกกับนักเตะใหม่ถึง 22 คน ทุบสถิติทีมที่เซ็นสัญญานักเตะจำนวนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ข่าวบอลล่าสุด ที่ให้ความสนใจกับการซื้อขาย และความเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะ จากช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ซึ่งแน่นอนว่า อย่างที่ได้บอกไปว่าตลาดนักเตะของเมืองผู้ดี เป็นตลาดที่ดูคึกคักที่สุด รวมไปถึงมี ค่าตัวนักฟุตบอล ที่เรียกได้ว่ามหาศาลจริงๆ ซึ่งก็มีสโมสรที่ใช้เงินซื้อนักเตะเกิน 100 ล้านปอนด์ นอกจาก 3 ทีมที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และวูล์ฟแฮมตัน วันเดอเรอร์ส ที่เรียกได้ว่าทำการช็อปปิ้งซื้อนักเตะกันแทบทุกทีม

นอกจากจะมีการซื้อตัว จนเป็นสถิติใหม่ของลีกแล้ว ในเรื่องของตัวนักเตะที่ย้ายเข้ามาในลีก ก็ยังมีบรรดากองหน้า ที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวมหาศาล ทั้งดาร์วิน นูนเญซ(ไปลิเวอร์พูล), เออร์ลิง ฮาลันด์(ไปแมนฯ ซิตี้), กาเบรียล เชซุส(ไปอาร์เซน่อล), จานลูก้า สคามัคก้า(ไปเวสต์แฮม), อเล็กซานเดอร์ อิซัค(ไปนิวคาสเซิล) ถ้านับเฉพาะการซื้อขายที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะรอบนี้ คือวันที่ 1 กันยายน จะพบว่ามีดีลที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยมี 14 จาก 20 สโมสรพรีเมียร์ลีก ที่มีการปิดดีลตอนเส้นตายพอดี

ข้อมูลจาก เว็บข่าวฟุตบอล ที่แต่ละทีมมีการปิดดิลนักเตะ ที่แทบจะต้องรอจนถึงวินาทีสุดท้ายของการปิดตลาด

ที่เรียกได้ว่าทำเอาแฟนบอลของ ทีมฟุตบอลชั้นนำ ต้องลุ้นกันจนเฮือกสุดท้ายว่าทีมของตนจะได้นักเตะที่โดนใจ เข้ามาร่วมทีมหรือไม่ ซึ่งเรามาเริ่มกันที่แชมป์เก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดึงตัวมานูเอล อาคานจี กองหลังทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ จากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เซ็นสัญญา 5 ปี และจะได้ร่วมงานกับเออร์ลิง ฮาลันด์ อดีตเพื่อนร่วมทีมเสือเหลืองอีกครั้ง ที่เรียกได้ว่าเป็นข่าวตามจีบกันอยู่นานพอสมควร สุดท้ายก็ตกลงเจรจากันสำเร็จ และได้เข้ามาอยู่บ้านใหม่ของเรือใบสีฟ้าเป็นที่เรียบร้อย

และอีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาร่วมเมืองเดียวกันก็คือแมนฯ ยู ที่เร่งเครื่องปิดดีลสองนักเตะในวันสุดท้าย คือแอนโธนี่ ปีกทีมชาติบราซิล จากอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม 82 ล้านปอนด์ และยืมตัวมาร์ติน ดูบราฟก้า ผู้รักษาประตูจากนิวคาสเซิ่ลจนจบฤดูกาลนี้ ทางด้านเชลซีได้ดึงสองนักเตะเข้ามาในวันสุดท้าย ทั้งปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จากบาร์เซโลน่า เซ็นสัญญาสองปี และเดนิส ซาคาเรีย มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์จากยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล

ทางด้านของลิเวอร์พูล ที่ได้กองหน้าเข้ามาตามเป้าหมาย หลังจากที่ได้ขายมาเน่ให้กับเสือใต้ไป แต่ก็ยังตามหานักเตะเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาในแดนกลาง ที่สุดแล้วได้ตัวอาร์ตูร์ เมโล่ มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลจากยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล และมีออพชั่นซื้อขาดที่ 37.5 ล้านปอนด์ ทางท้านทีมร่วมเมืองเอฟเวอร์ตัน ดึงตัวอิดริสซ่า เกย์ กองกลางทีมชาติเซเนกัล จากปารีสแซงต์-แชร์กแมง กลับถิ่นกูดิสันพาร์คอีกครั้ง เซ็นสัญญาสองปี และเจมส์ การ์เนอร์ จากแมนฯ  ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาสี่ปี

การแข่งขันฟุตบอล นอกจากจะวัดกันที่ระบบทีมแล้ว การซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาก็มีส่วนสำคัญ ในการพาทีมไปสู่เป้าหมาย

ซึ่งการซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาสู่ทีม หรือการย้ายทีมด้วยเหตุผลต่างๆ ก็ไม่มีได้มีแค่ในโลกของกีฬาฟุตบอลเท่านั้น ยังมีการเคลื่อนไหวในกีฬาชนิดต่างๆ ที่เป็นสโมสรชั้นนำ ซึ่งเราก็สามารถหาข้อมูลได้จากสื่อ รวมข่าวกีฬา แต่สิ่งที่แหล่งข่าวต่างๆ ได้โฟกัสมาที่ตลาดซื้อขายผู้เล่นของฟุตบอล ก็จากข้อมูลที่น่าสนใจในตลาดนักเตะของช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้ นั่นก็คือพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คือลีกที่ใช้เงินมากที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อเทียบกับ 5 ลีกใหญ่ยุโรป

อีกทั้งยังเป็นตัวเลขที่ทุบสถิติสูงสุด ในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดีอีกด้วยตัวเลข 1.9 พันล้านปอนด์ ในตลาดรอบนี้ได้ทำลายสถิติเดิมจากช่วงเดียวกันเมื่อปี 2017 ที่มียอดใช้จ่าย 1.4 พันล้านปอนด์ และเพิ่มขึ้นจากตลาดนักเตะซัมเมอร์ปีที่แล้วถึง 67 % จากข้อมูลของดีลอยด์ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลกระบุว่า ยอดใช้จ่ายเฉพาะซัมเมอร์ปีนี้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมของยอดรวมสองรอบตลาดเมื่อฤดูกาล 2017/18 คิดเป็น 3 %

ตัวเลขในการซื้อขายที่มหาศาลนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ทีมในพรีเมียร์ลีกมีความมั่นใจอย่างมาก เนื่องจากมีรายได้กลับเข้ามามากขึ้นหลังช่วงโควิด ซึ่งแต่ละทีมก็ยินดีที่จะใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อต่อสู้กับการแข่งขันที่สูงมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา อันเนื่องมาจากความกดดันที่สโมสรต่างๆ ได้กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายมากขึ้น ไม่ว่านักเตะใหม่ที่เข้ามา จะมีค่าตัวมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำผลงานที่น่าประทับใจ และพาทีมประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินทุกปอนด์ที่ได้จ่ายไป

โปรแกรมบอล

ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ

You may have missed